เจาะลึก!!! เตาไฟฟ้า แบต่างๆ ก่อนเลือกซื้อ
1. เตาไฟฟ้า Hot Plate (บางประเทศเรียก Solid Plate)

จะเป็นเตาไฟฟ้ารุ่นแรกๆ มีขวดลวดทำความร้อนอยู่ใต้แผ่นสีดำ
ให้ความร้อนค่อนข้างช้า กินไฟมาก การปรับระดับความร้อนขึ้นลงค่อนข้างช้า
เพราะความร้อนต้องผ่านตัวกลางหลายตัว ตั้งแต่ขดลวด แผ่นเซรามิคสีดำ ก้นหม้อ
แล้วจึงถึงอาหาร แต่ก็มีข้อดีคือ “ราคาถูก”
ดังนั้นรุ่นนี้จะเห็นเยอะสุดสำหรับบ้าน หรือคอนโดที่แถมชุดครัวมาด้วยครับ
มีข้อแนะนำเวลาใช้คือให้ดับไฟตอนใกล้ๆจะทำอาหารเสร็จเพื่อประหยัดไฟ
เพราะความร้อนจะยังคงอยู่กับเตาอีกนาน
แล้วเมื่อทำอาหารเสร็จก็ระวังมือไปโดนด้วยนะครับ
2. เตาไฟฟ้า Ceramic hob

เตารุ่นนี้หน้าเตาจะเป็นกระจก Ceramic ซึ่งทนความร้อนได้สูงมาก (ประมาณ 600 C)
รับแรงกระแทกได้ค่อนข้างมาก ต่อให้มีอะไรตกใส่ ส่วนมากก็จะแค่เป็นรอยร้าว
ไม่แตกออกมาเป็นปากฉลามบาดมือ ซึ่งเตา ceramic hob นี้
ส่วนที่แพงก็คือกระจกนี่แหละครับ ตัวทำความร้อนด้านในก็จะเป็นขดลวดไฟฟ้า
หลอดอินฟาเรด หรือหลอดฮาโลเจน ก็จะมีคุณสมบัติไว้ทำความร้อนคล้ายๆกัน
อาจจะต่างกันที่ประสิทธิภาพความร้อนเล็กน้อย
แต่ไม่ต่างกับ hot plate สักเท่าไหร่
ในด้านการใช้งาน เตา Ceramic ค่อนข้างจะเหมือน hot plate
ต่างกันที่ความสวยงาม หน้าตาดูผ่านๆจะเหมือนกับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า (induction) มากๆ
เพราะกระจกเป็นชนิดเดียวกัน มีข้อสังเกตคือ ขณะใช้งานเตาไฟฟ้า ceramic hob
จะมีสีแดงขึ้นในบริเวณที่มีความร้อน แต่เตาแม่เหล็กไฟฟ้าจะไม่มี
และเตาแม่เหล็กไฟฟ้าจะไม่ทำงานหากไม่มีภาชนะที่ใช้งานกับเตาแม่เหล็กได้วางอยู่ครับ
อีกอย่างคือเตาแม่เหล็กไฟฟ้าจะมีคำว่า induction เขียนอยู่บนหน้าเตาครับ
เตา Ceramic มีข้อควรระวังเหมือนกับเตาไฟฟ้า hot plate
คือเมื่อใช้งานเสร็จต้องระวัง
เพราะจะมีความร้อนเหลืออยู่ที่แผ่นกระจกถึงแม้ว่าจะปิดไปแล้ว
ครอบครัวที่มีเด็กๆต้องระวังมากหน่อยนะครับ
เตาแบบนี้บางรุ่นที่ราคาค่อนข้างสูงจะมี Residual Heat Indicator
หรือไฟแสดงว่าหน้าเตายังร้อนอยู่ ก็จะช่วยเตือนได้ระดับหนึ่งครับ
(ส่วนใหญ่จะขึ้นตัว H ค้างเอาไว้บนเตาหลังจากปิดเตา
ท่านที่มีเตาไฟฟ้าประเภทนี้จะทราบดี)
3. เตาแม่เหล็กไฟฟ้า induction

เตาแม่เหล็กไฟฟ้าinduction
นี่เป็นเทคโนโลยีที่นำมาปรับใช้ได้น่าประทับใจมากครับ
เอาหม้อโลหะไปวางแล้วหม้อร้อนได้เอง อาหาร หรือน้ำที่ต้มเดือด โดยที่เตาไม่ร้อน จริงๆแล้ว มันก็วิทยาศาสตร์แหละครับ
ในเตาจะมีขดลวดกำเนิดสนามแม่เหล็ก
เมื่อสนามแม่เหล็กตัดกับโลหะก็จะเกิดความร้อน
แต่เอามาประยุกต์ใช้กับเตาทำอาหารเท่านั้นเอง
ซึ่งมีข้อดีมากๆก็คือความร้อนจะเกิดที่ก้นภาชนะ และส่งตรงไปถึงอาหารได้เร็วขึ้น ทำให้การสูญเสียความร้อนน้อยมาก
ทำให้ประหยัดไฟมากๆครับ
ข้อเสียคือต้องใช้กับภาชนะที่เป็นโลหะเท่านั้น
ไม่สามารถใช้กับภาชนะแก้วหรือเซรามิคได้ครับ หากสงสัยว่าภาชนะใดใช้ได้หรือใช้ไม่ได้
ภาชนะรุ่นใหม่ๆจะมีบอกครับว่าใช้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าได้
บางคนก็อาจจะสงสัยว่าใช้ได้กับโลหะแบบนี้ หากเราแผลอวางช้อนส้อมบนเตา
ช้อนส้อมจะร้อนลวกมือหรือเปล่า ก็ต้องตอบว่า มีสิทธิครับ แต่บางรุ่นก็จะมีฟังก์ชั่น
small object detector คือหากมีโลหะเล็กๆวางอยู่บนหน้าเตาเช่นช้อนส้อม กุญแจ
เตาก็จะไม่เริ่มทำงานครับ (อันนี้ตอนซื้อต้องลองตรวจสอบ ก่อนซื้อนะครับ ถ้าต้องการฟังก์ชั่นนี้)
ข้อเสียคือ มัน”แพง”มากๆเลยครับ T-T
ตารางเปรียบเทียบเตาไฟฟ้าทั้งสามชนิด

ดูความสามารถเทียบกับราคาแล้วคงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเตาแม่เหล็กไฟฟ้าถึงได้แพงขนาดนั้น ดูราคาในตารางแล้วน่าตกใจ แต่ยังมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เป็นแบบตั้งโต๊ะ สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้
ราคาตัวละแปดเก้าร้อยบาทไปถึงตัวละสามสี่พันบาทก็มีก็นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ต้องการประหยัดค่าไฟฟ้าครับ
สนับสนุนบทความ
นาย Starfish
ผู้บริหาร บริษัท ลัคกี้เฟลม
จำกัด
